Menu

กิจกรรมการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการทางศิลปวัฒนธรรมด้านผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม

       คณะนักวิจัยใช้วิธีวิทยาการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ตามแนวทางการวิจัยมานุษยวิทยาวัฒนธรรม( Cultural Anthropology) เป็นเครื่องมือในการศึกษากระบวนการวิจัยเริ่มต้นตั้งแต่การศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลเอกสาร ตำรา(Document Analysis) เน้นการเก็บข้อมูลภาคสนาม(Field Study) เลือกศึกษาภาคสนามในพื้นที่ ชุมชนบ้านเสมา เมืองฟ้าแดดสงยาง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ใช้วิธีการสัมภาษณ์( in-depth-interview)และการสนทนากลุ่ม (Focus Group) เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ แบบสัมภาษณ์และแบบสนทนากลุ่ม เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์  ถอดบทเรียน และสำรวจพื้นที่เป้าหมาย

       ใช้แนวคิดเกี่ยวกับทุนทางวัฒนธรรมของฉัตรทิพย์ นาคสุภา  ว่าวัฒนธรรมชุมชนมีความชัดเจนในการมองเห็นคุณค่าของชุมชน หมู่บ้าน ชุมชุน เป็นองค์กรที่มีพลัง และแนวคิดทุนวัฒนธรรมของบูดิเยอร์ (1983) กล่าวว่าทุนวัฒนธรรมที่ปรากฏ อยู่มี 3 รูปแบบกล่าวคือ 1) ใน embodies state เป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในตัวคนและกลุ่มคนมาอย่าง ยาวนาน ได้แก่ ความคิด จินตนาการ ความคิดริเริ่มและความเชื่อ 2) ใน objectified state เป็นสิ่ง ที่เป็นรูปธรรม ในรูปแบบของสินค้าวัฒนธรรม    และใช้แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาของสัญญา สัญญาวิวัฒน์(2550)และสนธยา พลศรี(2547) เรื่องของเป้าหมายของการพัฒนาคือพัฒนาคนให้มีความสุขและพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็งและพึ่งตนเองได้ และแนวคิดเกี่ยวกับส่วนประสมทางการตลาด บุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา (2548, หน้า 136 -137) กล่าวไว้ว่า การส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยว (Promotion of Tourism) เป็นส่วนผสมทางตลาดท่องเที่ยวที่สำคัญ และนักวิชาการส่วนใหญ่ก็มักใช้ ส่วนประสมทางการตลาด (Marketing Mix) หรือ 4P’s ซึ่งประกอบด้วย สินค้าและบริการ ด้านราคา ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย และด้านการส่งเสริมการตลาด

       เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 30 คน ประกอบไปด้วย ผู้นำชุมชน 2 คน กลุ่มอาชีพด้านผลิตภัณฑ์จากทุนทางวัฒนธรรม จำนวน 25 คน ครูภูมิปัญญาจำนวน 3 คน การศึกษาแบ่งออกเป็น 3 ระยะคือ

       ระยะที่ 1 การสำรวจทุนทางวัฒนธรรมด้านผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในชุมชน 

       ระยะที่ 2 การจัดทำระบบและกลไกเพื่อพัฒนาต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมด้านผลิตภัณฑ์ 

       ระยะที่ 3 การเผยแพร่ทุนทางวัฒนธรรมด้านผลิตภัณฑ์และสรุปผลการศึกษา   

       ผลการศึกษาระยะที่ 1 การสำรวจกิจกรรมทุนทางวัฒนธรรมด้านผลิตภัณฑ์ทางศิลปวัฒนธรรม

ที่มีอยู่ในชุมชน จากการเก็บข้อมูลภาคสนาม(Field Study) ใช้วิธีการสัมภาษณ์( in-depth-interview) และการสนทนากลุ่ม (Focus Group) พบว่า

บริบทพื้นที่

       บ้านเสมาเดิมชื่อ เมืองฟ้าแดดสงยาง เป็นเมืองในยุคโบราณตามประวัติศาสตร์สมัยพระเจ้าฟ้างุ้มแห่งกรุงศรีสัตนาคนหุต สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่12-16ประมาณ 1,400 ปี ภายในบริเวณเมืองเก่ามีร่องรอยโบราณสถานหลายแห่งจากหลักฐานที่ค้นพบร่องรอยของศาสนสถานที่มีลักษณะตามคติในพระพุทธศาสนาเป็นศิลปกรรมแบบทวาราวดีโดยจากหลักฐานโบราณคดีที่ค้นพบ ทำให้ทราบว่ามีการอยู่อาศัยภายในเมืองมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ แล้วได้มาเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นในสมัยทวาราวดี มีซากศาสนสถานกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปทั้งภายในเมืองและนอกเมือง ชาวบ้านที่นี่มีอาชีพหลักคือการทำเกษตรกรรม การทำนา การทำสวน การทำไร่และเลี้ยงสัตว์ อัตลักษณ์ของชุมชนบ้านเสมาเมืองฟ้าแดดสงยางแห่งนี้เป็นแหล่งที่มีการค้นพบใบเสมาจำนวนมากและเป็นที่ตั้งของพระธาตุยาคู จนถือได้ว่าเป็นอัตลักษณ์และเป็นที่มาของชื่อบ้านเสมาในปัจจุบัน ใบเสมาที่ค้นพบมีใบเสมาหินทรายสีแดง ที่มีทั้งเป็นแท่งหินกลม เหลี่ยมและแผ่นศิลา แผ่นหินทรายเกลี้ยง แผ่นหินทรายสลักลวดลายจารึกตัวอักษรโบราณ ภาพสำคัญคือภาพจากหลักเรื่องราวพุทธประวัติและมหานิบาตชาดกที่งดงามมากทำให้ทราบถึงความเชื่อความนิยม รวมถึงการแต่งกายและสถาปัตยกรรมเครื่องไม้ในสมัยนั้นเมืองฟ้าแดดสงยางจึงเป็นแหล่งเสมาหินขนาดใหญ่และสำคัญที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

       บ้านเสมาเป็นชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่โดดเด่นมีแหล่งท่องเที่ยวและบรรยากาศของชุมชนที่สวยงามเงียบสงบ บอกเล่าความงามผ่านวิถีชุมชน การแสดงรำบูชาพระธาตุยาคู การนำธุงใยแมงมุมเพื่อมาถวายพระธาตุยาคูตามความเชื่อของคนอีสานที่เรียกได้ว่ามีการจัดทำจำนวนมากที่สุดในจนเรียกได้ว่าทะเลธุง การออกแบบท่ารำของชุมชนเพื่อรำแสดงต้อนรับผู้มาเยือน การเวียนเทียนรอบองค์พระธาตุยาคู การกราบไหว้ขอพร การตักบาตรทำบุญร่วมกันกับชาวบ้านในพื้นที่ ชมความสวยงามของใบเสมา ขึ้นรถรางนำเที่ยวรอบคูเมือง ชมแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนและพิพิธภัณฑ์เมืองฟ้าแดดสงยาง ซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้ สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกที่มีการรวบรวมภาพถ่ายเก่าแก่จัดแสดงความเป็นมาบอกเล่าวิถีชีวิตและประเพณีสำคัญของคนท้องถิ่น ซื้อของฝากของที่ระลึกจากชุมชนที่มีให้เลือกมากมายไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่แปรรูปจากผ้าเพื่อเป็นของที่ระลึกเช่นกระเป๋าลายผ้าขาวม้า หมอนสี่เหลี่ยมลายผ้าขาวม้าที่เป็นลายเฉพาะของชุมชน ผลิตภัณฑ์จากเสื่อกก ที่รองจากจากเสื่อกก ผลิตภัณฑ์จากธุง ได้แก่ ต่างหู เข็มกลัด ปิ่นปักผม ร่ม พัด ดอกไม้ สร้อยคอ และกลุ่มอาหารของฝาก ได้แก่ แหนมตุ้มรสเด็ดที่มีขนาดใหญ่พิเศษสามารถเก็บไว้ได้นาน ไส้กรอกอีสาน ขนมครก ขนมดอกจอก ขนมทองม้วน ขนมทองพับ แคปหมูและสินค้าอื่น ๆของชุมชนอีกมากมาย